7 วิธีสอนลูกให้เชื่อฟังพ่อแม่และไม่ต่อต้านเมื่อลูกเริ่มโต

[luktan1479]

ยิ่งลูกโตขึ้น การที่เราจะหวังลูกให้เป็นเด็ กเชื่อฟังสอนง่าย เป็นเรื่องย ากมาก เพราะว่าลูกเริ่ม

มีความคิดเป็นของตัวเอง บางเวลาก็สนใจสิ่งที่อยู่เบื้องหน้ามากยิ่งกว่า


บางครั้งบางคราวลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่บิดามารดาอยากสักเท่าไรนัก


ฉะนั้นจึงใช้วิธีการทำหูทวนลม ละเลยต่อคำกล่าวของบิดามารดา รวมทั้งมันอาจเอามาสู่ การมีปัญหากันได้

1. หาว่าอะไร ที่ทำให้เขาไม่เชื่อฟัง

ถ้าหากลูกเป็นเด็ กที่ไม่เชื่อฟัง บางคราวอาจเกิดขึ้นจากกำลังโก รธ เศร้าใจ

หรือต้องการที่จะให้พ่อแม่เอาใจ สิ่งที่ควรจะทำ คือ พูดคุยและก็ หาคำตอบ ว่าเพราะเหตุใดเพราะเหตุใด

ลูกไม่เชื่อฟังแล้วก็บอ กรักลูกให้ลูกไว้ว่า มีบิดามารดาอยู่ด้านข้างเสมอนะ

รวมทั้งดังนี้ควรสังเกตทัศนคติแนวทางคิดด้วย รวมถึงการพูดของลูก ก็เพื่อเข้าใจลูกเพิ่มมากขึ้นด้วยนั่นเอง

2. สอนด้วยการ ใช้แนวทางแบบเข้าใจง่ายๆ

เพราะเหตุว่าเด็ กอาจจะยังแบบว่า ฟังประโยคย าวๆพร้อมกันไม่รู้เรื่อง สิ่งที่ควรทำนั้นเป็น

ใช้แนวทางสอนเขา ให้จำง่ายดายมากยิ่งขึ้น เป็นต้นว่า มีมือเอาไว้ช่วย ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ติเตียน หรือ กล่าวให้ตื่นเต้น


ยกตัวอย่างเช่น วันนี้ทำอะไรที่สถานศึกษาบ้ าง หลี กเลี่ ยงคำว่า ไม่ หรือ ห้าม เนื่องจากว่าทำให้ลูก


ไม่อย ากทำต าม ยกตัวอย่างเช่น ห้ ามดื้อ ก็ควรจะเปลี่ยนเป็น แม่ชอบลูก ในเวลาที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลยจ๊ะ

นอกนั้น พ่อแม่บางทีอาจแปลงมาใช้การให้ค่ะแน น เพื่อให้ลูกมีเป้าหมาย สำหรับการเชื่อฟังมากยิ่งขึ้นก็ได้นะ

3. สอนด้วยคำพูด สายตาแห่งความรัก

เมื่อไรที่ลูกทำผิด คุณอาจจะทนไม่ได้ที่จะตะคอ กลูก จากคำพูดแร งๆของคุณ

อีกทั้งไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบายด้วย แล้วก็การเสียงดัง การตะคอ กนั้นมันอาจจะเป็นผลให้

ลูกสงบลงได้ก็จริงนะ แต่ทว่าในอนาคต ลูกก็จะทำอีกอยู่ดี ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ควรทำหมายถึงเริ่มจากดึงความพึงพอใจ

ลูกด้วยการ เรียกชื่อลูกใช้คำกล่าวง่ายๆให้ลูกทบทวนในสิ่งที่ทำ ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่ว่าไม่ดุเดือด

ให้ท่านลองเปลี่ยนแปลง เป็นบอ กทางป้องกั น ไขปัญหาจะดีกว่านะ นอ กจากคำบอกเล่ากับน้ำเสียงแล้ว

ภาษากาย ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกรับฟังเยอะขึ้น พูดกับเขาดีๆพูดด้วยสายตาที่ความรัก แล้วคุณจะเข้าดวงใจลูกมากขึ้นเรื่อยๆ

4.ฟังสิ่งที่ ลูกจะบอก

ด้วยเหตุว่าบางเวลา สิ่งที่พ่อแม่คิด มันก็ไม่ได้ถูกเสมอหรอกนะ ด้วยเหตุว่าเด็ กแต่ละคน

พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตนเอง และสิ่งที่ควรทำเป็นถามให้รู้ดีว่าลูกคิดอะไรทำไปเพื่ออะไร


และมีอะไรอยู่ในใจ จากนั้นควรตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกบอก เพื่อช่วยทำให้ลูกผ่อ นคล า ยความกลุ้มอกกลุ้มใจได้

5. สอนด้วย การมีกติกา ระหว่างกัน

แต่ถ้าว่านะเด็ กทุกคน ก็มีอะไรที่ถูกใจ ที่เกลียดของตนเช่นกันนะ รวมทั้งบ่อยมาก ที่คุณให้ลูก

ทำสิ่งที่เกลียดชัง นานจนกระทั่งลูกเริ่มไม่เชื่อฟัง แล้วก็สิ่งที่ควรทำนั้นหมายถึงเด็ กวัย 2-3 ขวบ เป็นวัยที่การต่ อต้ าน

ฉะนั้น ทดลองให้ข้อเสนอ เพื่อเป็นกติกาด้วยกันดูสิ เพื่อลดการโต้แย้งหรือการชักชวนสมุทร า ะลงได้

6. สอนลูก จากการเป็นแบบอย่ าง

ในตอนวัยเด็ ก เขาชอบลอ กเอาอย่าง พฤติก ร ร มของคนใกล้ชิด

และไม่สามารถจำแนกได้ ว่าอะไรไม่สมควร อะไรควร มันก็เลยทำให้หลายทีลูกเผลอเลียน พฤติก ร ร ม

ที่มันไม่ดีของคนแก่ เมื่อถูกต่อว่าและก็ต่อว่าต่อขานลูกจึงไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุไรบิดามารดายังทำได้เลยล่ะ

และกระบวนการทำให้ลูกเกิดความข้องใจ รวมทั้งบิดามารดาไม่อธิบายนั้น มันก็เป็นต้นเหตุ

ที่ทำให้ลูกเริ่มไม่เชื่อฟังบิดามารดา รวมทั้งสิ่งที่ควรจะทำนั้น คือ ลูกศึกษาจาก

ความประพฤติได้ดีมากว่าคำพูด เนื่องจากถ้าเช่นนั้น คุณพ่อและก็คุณแม่ควรเป็นตัวอย่ างให้ลูกมองเห็น ว่าอะไรทำเป็น อะไรไม่ควรทำ

7. สอนลูก ใช้ความคิด ไขปัญหาด้วยตัวเองได้

เนื่องจากประโยคคำสั่งนั้น มันก็ทำให้ลูกคิดว่า ตัวเองไม่ได้การเอาซะเลยจ้ะ

ทำอะไรก็ไม่ดี ดังนี้มันก็ส่งผลต่อให้ลูกไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองซะงั้น ทั้งยังอาจแปลงเป็นคนยังไม่แน่ใจไปเลย

ไม่กล้าที่จะคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆสิ่งที่ควรจะทำนั้นหมายถึงจำเป็นต้องฝึกฝนให้ลูกใช้ความคิดรวมทั้งขจัดปัญหาด้วยตัวเอง

ดังเช่นว่า ไหนลูกลองคิดสิว่าจะเอาตุ๊กต าตัวนี้ ไปเก็บไว้ไหนดีนะ และก็นอกเหนือจากนั้นควรหา

กิจก ร ร มสนุกสนานๆทำด้วยกันกับลูกเมื่อพ่อกับแม่ เห็นลูกทำไม่ถูก


จะได้สอนลูกให้คิดไขปัญหา แทรกเรื่องของความดีงาม จรรยาบรรณไปได้ด้วย โตมาเขาจะได้เป็นคนมีคุณภาพ
ไม่ต่อต้าน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12945/